วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เปรตที่ปากน้ำ

“สมชาย” เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากปากน้ำแม่กลอง ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเก่าแต่ก็ยังไม่ถึงกับแก่ อายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้นนะครับ อย่าไปคิดอะไรมาก นักกีฬาทีมชาติบางท่านอายุตั้ง 55-56 ปีแล้ว มาออกทีวีเห็นแล้วยังตกใจ…ขนาดท่านอาวุโสกว่าผมเกือบ 10 ปียังดูหนุ่มกว่าผมซะด้วยซ้ำไป!

กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนนอนหลับอย่างพอเพียง ออกกำลังกายเช้า-เย็น วันละไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง จนกว่าเหงื่อจะซึมแผ่นหลัง ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมาอย่าสูบบุหรี่ เพราะควันพิษทำให้เกิดโรคร้ายได้เป็นร้อย! อย่าดื่มสุรา…แอลกอฮอล์วันละ 1-2 แก้วอาจจะช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดี เกิดความกระปรี้กระเปร่า หลายๆ คนเชื่อว่าเป็นยาบำรุงหัวใจ แต่ผมว่าอย่าไปข้องแวะกับน้ำเมาดีกว่า เพราะดื่มเข้าไปแก้วสองแก้วแล้ว มักจะติดลม เตลิดไปเป็นกั๊กเป็นแบน หรือกลายเป็นกลมได้ง่ายๆ อย่างน้อยที่สุด แอลกอฮอล์ก็จะไปสะกดต่อมสามัญสำนึก หรือความรู้สึกรับผิดชอบให้หยุดทำงาน ที่ว่ากินเหล้าแล้วไม่อายก็เพราะพิษสงของไอ้ต่อมนี้เอง!

เปรตปากน้ำ
เปรตปากน้ำ
พูดแล้วทำให้ผมนึกถึงตัวเองสมัยวัยรุ่น ยอมรับว่าแสบสันต์ตามยุคตามสมัยพอๆ กับสมัยนี้แหละน่า แต่ไม่ถึงกับยกโขยงมายึดถนนแข่งมฤตยู หนวกหูชาวบ้าน จนเขาแช่งชักหักกระดูกไปถึงพ่อถึงแม่โน่นแน่ะ ตอนนั้นผมยังอยู่บางบอนครับ เคยเล่ามาแล้วว่าสมัยก่อนยังเปล่าเปลี่ยวน่ากลัวเพิ่งจะสร้างถนนขึ้นหยกๆ คนมีเงินเริ่มซื้อรถเก๋งรถกระบะออกมาฉุยฉายใช้สอยกันหนาตาขึ้นทุกที ใครค้าขายก็ได้รถนี่แหละช่วยให้เดินทางไปซื้อขายได้สะดวกง่ายดายยิ่งกว่าเดิม

พูดก็พูดเถอะ คำว่ารถยนต์นี่ยังเป็นเสน่ห์ของผู้ชาย เป็นแม่แรงดึงดูดผู้หญิงให้เข้ามาหาได้ทุกยุคทุกสมัย…ผมเองยังวัยรุ่นที่เที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่มีปัญญาซื้อรถเก๋งหรือรถกระบะกับเขาหรอกครับ แต่ก็ได้อาศัยขึ้นรถไปเที่ยวกับพี่เติบแกบ่อยๆ รายนี้รูปหล่อพ่อรวย แถมจีบผู้หญิงเก่งอีกต่างหาก!! มีแฟนอยู่ที่บางบอน 2-3 คนยังไม่พอ พี่เติบไปได้แฟนคนใหม่ถึงปากน้ำแม่กลองโน่นแน่ะ…ผมติดรถแกไปซื้อของสวนมาขายส่งมั่ง ไปเที่ยวหาน้ำตาลกินมั่ง จะเมามายแค่ไหนไม่ต้องห่วง เพราะพี่เติบคอแข็งใจแข็ง แม้ว่าจะเป็น “ขาหญิง-ขาเมา” แต่นิสัยใจคอออกลูกนักเลงได้การคืนนั้นเราไปบ้านเมียใหม่พี่เติบโดยไม่ได้ตั้งใจ…เพราะความเมาแท้ๆ ที่ทำให้พี่เติบกับผมไปซื้อของที่นครปฐม แล้วแวะหาอะไรกินกันคนละแบนใหญ่ จะออกรถมุ่งหน้าไปปากน้ำแม่กลองยังอุตส่าห์ซื้อติดรถไปอีกต่างหาก

ท้องฟ้าสะพรั่งไปด้วยดวงดาวเมื่อเราไปจอดรถอยู่ใกล้ๆ วัดประจันตคาม ต้นไม้ใหญ่น้อยยืนต้นทะมึนขึ้นไปบนฟ้า สายลมพัดโชยมาเยือกเย็น สรรพสิ่งเต็มไปด้วยความเงียบเชียบ…มองเห็นเจดีย์สีคล้ำเสียดยอดอยู่ใกล้กำแพงวัด ผมรู้สึกเยือกเย็นอยู่ในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก พิษเหล้าก็ดูเหมือนจะหายไปเกือบหมดสิ้น หยิบขวดใหม่มาเปิดฝา แหงนหน้ากรอกเหล้าลงคอพลั่กๆ เพื่อเติมความหาญกล้าให้ตัวเองซักเล็กน้อย…ขณะที่ใช้หลังมือปาดเหล้าที่มุมปากก็พอดีมองเห็นภาพนั้นเข้าเต็มตา…

นั่นคือ ตาลดำๆ สองต้นกำลังโยกเยกไปมา ท่าทางเหมือนเป็นขาที่กำลังจะก้าวเดินอย่างนั้นแหละ แว่วเสียงวี้ดๆๆ มาพร้อมกับสายลมด้วย พอดีพี่เติบดับเครื่องยนต์ เอื้อมมือมาขอเหล้าบ้าง…แกยกขึ้นเทใส่ปากหลายอึกก่อนจะส่งคืนผม “รออยู่นี่นะโว้ย เดี๋ยวกูมา” ว่าแล้วก็ผลักประตูรถออกเดินดุ่มๆ ไปสู่สะพานข้ามคลอง บ้านเมียคนใหม่คือจุดหมายปลายทาง พักใหญ่ก็หายลับไปจากสายตา ผมกระเดือกน้ำลาย เหลียวซ้ายแลขวา นึกแช่งชักตัวเองที่ไม่ยอมเมาซักที…ไม่ช้าก็หันไปเจอภาพสยองเข้าเต็มเปา!

นั่นคือร่างของอมนุษย์สูงลิบลิ่วราวต้นตาล เดินโยกเยกเข้ามาหาช้าๆ พลางส่งเสียงวี้ดๆๆ ไปด้วย มือทั้งสองข้างใหญ่เท่าใบลานเพราะบาปกรรมที่เคยทุบตีพ่อแม่ในชาติก่อน มัน “ซาวมือ” เข้ามาหาผมดังแกรกๆ จนผมสั่นเทิ้มไปทั้งตัว หลับหูหลับตากรอกเหล้าลงคอชนิดไม่ยับยั้ง หมาเจ้ากรรมก็ดันหอนโจ๋วขึ้นมาดังบาดใจชะมัด กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่งอยู่กับที่จนผมแทบจะคลั่งใจตาย!

“โอ๊ย! เมื่อไหร่จะมาซักทีโว้ย?” ผมร้องตะโกนด้วยความอัดอั้น ครู่ใหญ่ๆ ก็เห็นพี่เติบเดินจ้ำเข้ามาหา พอขึ้นรถก็หันมาขอเหล้าผมอีก…คราวนี้กดพรวดเดียวหมดขวด กว่าจะขับรถออกไปได้ “ไม่รู้ว่าเมียกูนึกยังไง” แกโพล่งออกมา “บอกว่าให้ระวังตัวหน่อย แถวนี้มีเปรตด้วยว่ะ…ขำตายละ!” ผมพูดอะไรไม่ออกเหมือนมีอะไรมาจุกลำคอ หันไปมองข้างหลังโดยไม่ตั้งใจ…ภาพอสุรกายสูงโย่งเย่งส่งเสียงวี้ดๆๆ ขอส่วนบุญค่อยๆ ห่างออกไปทุกทีจนกระทั่งลับตา!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น